MIT เปิดตัวเทคฯ ‘อ่านความคิด’ สื่อสารได้โดยไม่ต้องพูด

MIT เปิดตัวเทคฯ ‘อ่านความคิด’ สื่อสารได้โดยไม่ต้องพูด

AlterEgo สตาร์ตอัปจาก MIT เปิดตัวอุปกรณ์สวมใส่ที่เปลี่ยน ‘ความคิดในใจ’ ให้กลายเป็นคำสั่งหรือข้อความได้ทันที อุปกรณ์ชิ้นนี้ถูกเรียกว่า ‘near-telepathic wearable’ ซึ่งอาจพลิกโฉมการสื่อสารของผู้ที่มีข้อจำกัด แต่ก็มาพร้อมคำถามใหญ่เรื่องความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของข้อมูลในสมอง

เทคโนโลยีของ AlterEgo มุ่งให้ผู้ใช้สามารถ ‘พูด’ โดยไม่ต้องเปล่งเสียงออกมา เพียงแค่คิดคำพูดในใจ อุปกรณ์นี้ก็สามารถจับและถอดรหัสคำพูดเหล่านั้นได้ บริษัทได้ประกาศเปิดตัวอุปกรณ์อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 8 กันยายนที่ผ่านมา โดยอธิบายว่าเป็น เป็นอุปกรณ์ที่ทำให้คุณ ‘พิมพ์’ หรือ ‘พูด’ ได้โดยตรงผ่านความคิด แค่คุณนึกในใจว่าอยากจะสื่อสารอะไร อุปกรณ์ก็จะจับความคิดนั้นแล้วส่งเป็นข้อความหรือคำสั่งไปให้ทันที”

อุปกรณ์นี้แตกต่างจากเทคโนโลยี BCI หลายราย เช่น Neuralink ของ Elon Musk คือไม่ต้องใช้การฝังอุปกรณ์เข้าไปในสมองและ ‘ไม่ได้อ่านความคิดส่วนตัว’ ของผู้ใช้โดยตรง แต่จะ บันทึกเฉพาะสิ่งที่ผู้ใช้ตั้งใจจะพูด ผ่านการกระตุ้นระบบพูดของร่างกายเท่านั้น

หัวใจของอุปกรณ์นี้คือเทคโนโลยีที่ชื่อว่า Silent Sense ซึ่งพัฒนาขึ้นโดยตรงที่ MIT ใช้เซ็นเซอร์ตรวจจับสัญญาณไฟฟ้าขนาดเล็กจากระบบประสาทที่ควบคุมการพูด ทำให้สามารถรับรู้เจตนาที่จะพูดของผู้ใช้ได้ครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น

  • การพูดออกเสียงตามปกติ
  • การขยับปากโดยไม่มีเสียง
  • หรือแม้แต่การ “นึกคำพูดในใจ” โดยที่ร่างกายไม่ขยับเลย

สิ่งที่บริษัทเน้นย้ำ คืออุปกรณ์นี้ ไม่ได้อ่านความคิดไปเรื่อยเปื่อย ที่ลอยอยู่ในหัวของเรา แต่มันจะทำงานกับ ‘คำพูดที่เราตั้งใจจะสื่อสาร’ เท่านั้น ซึ่งทำให้ AI กลายเป็นเหมือนส่วนขยายความคิดของผู้ใช้ได้อย่างแท้จริง  

อุปกรณ์นี้มีประโยชน์อย่างไร 

ศักยภาพของอุปกรณ์ตัวนี้กว้างไกลกว่าการใช้งานทั่วไปมาก เพราะมันอาจกลายเป็นเทคโนโลยีที่ ‘เปลี่ยนชีวิต’ ให้กับผู้คนจำนวนมาก โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาในการพูดหรือสื่อสาร เช่น ผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (ALS), โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง (MS) หรือผู้ที่มีภาวะดิสเล็กเซีย (dyslexia) ซึ่งมักเผชิญความยากลำบากในการพิมพ์หรือพูดออกมาได้ตามปกติ AlterEgo อาจช่วยให้พวกเขากลับมาสื่อสารกับโลกภายนอกได้อีกครั้ง

นอกจากในด้านสุขภาพแล้ว AlterEgo ยังสามารถเพิ่มความสะดวกสบายให้กับชีวิตประจำวันได้อย่างมาก เราอาจใช้มันในการพิมพ์งาน ค้นหาข้อมูล หรือควบคุมอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้โดยไม่ต้องใช้มือเลยแม้แต่น้อย รวมถึงยังสามารถ ‘คุยแชทส่วนตัว’ ในที่สาธารณะได้อย่างแนบเนียนโดยไม่ต้องออกเสียงให้ใครได้ยิน

ในระยะยาว เทคโนโลยีนี้ยังมีศักยภาพที่จะกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในโลกของการทำงาน เพราะมันเปิดโอกาสให้มนุษย์สามารถทำงานร่วมกับ AI ได้อย่างกลมกลืนและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เป็นเหมือนสะพานที่เชื่อมความคิดของเราเข้ากับความสามารถของ AI ได้โดยตรง

ข้อกังวลและความท้าทาย

แม้จะมีประโยชน์มหาศาล แต่เทคโนโลยีนี้ก็มาพร้อมกับข้อกังวลที่น่าคิด ซึ่ง Julia Mossbridge นักประสาทวิทยาได้ให้ความเห็นไว้อย่างน่าสนใจ:

Julia Mossbridge กล่าวว่าเส้นบาง ๆ ระหว่างความคิดที่ตั้งใจกับความคิดที่เผลอแวบเข้ามา ซึ่งแต่ละคนอาจไม่เหมือนกัน เขาอธิบายว่านี่อาจกลายเป็นปัญหาได้ในบางสถานการณ์ เช่นเราอาจได้ยินความคิดเหน็บแนมจากจากอีกฝ่ายที่ไม่ได้ตั้งใจจะพูดออกมาจริง ๆ แต่กลับถูกอุปกรณ์ถอดความออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ อีกประเด็นใหญ่คือเรื่องความปลอดภัย หากข้อมูลที่อยู่ในหัวของเราสามารถถูกแฮกหรือดักฟังได้ ความเป็นส่วนตัวก็จะกลายเป็นเรื่องน่ากังวลทันที ยิ่งถ้าข้อมูลเหล่านี้เกี่ยวข้องกับชีวิตส่วนตัวหรือความลับทางธุรกิจ ความเสี่ยงก็ยิ่งสูงขึ้น

อีกเรื่องที่หลายคนกังวลคือความเหลื่อมล้ำทางเทคโนโลยี เพราะนวัตกรรมแบบนี้อาจยิ่งขยายช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนทั่วไป หากคนที่มีกำลังซื้อก็สามารถเลือกใช้รุ่นที่ปลอดภัยและเข้ารหัสข้อมูลได้ ขณะที่แรงงานหรือคนรายได้น้อยต้องใช้รุ่นราคาถูกที่เสี่ยงต่อการถูกบริษัทหรือรัฐสอดส่อง ก็อาจทำให้เกิดความไม่เท่าเทียมรูปแบบใหม่ที่ลึกถึงระดับ ‘ความคิด’ เลยทีเดียว และสุดท้ายเทคโนโลยีนี้อาจไม่ได้ตอบโจทย์ทุกคน Mossbridge เตือนว่า สำหรับบางกลุ่ม เช่น ผู้ป่วยออทิสติกแบบไม่พูดการ ‘นึกคำพูดในใจ’ ก็อาจเป็นเรื่องยากพอ ๆ กับการพูดออกมาจริง ๆ 

อ้างอิง: thedebrief

AlterEgo สตาร์ตอัปจาก MIT เปิดตัวอุปกรณ์สวมใส่ที่เปลี่ยน ‘ความคิดในใจ’ ให้กลายเป็นคำสั่งหรือข้อความได้ทันที อุปกรณ์ชิ้นนี้ถูกเรียกว่า ‘near-telepathic wearable’ ซึ่งอาจพลิกโฉมการสื่อสารของผู้ที่มีข้อจำกัด แต่ก็มาพร้อมคำถามใหญ่เรื่องความปลอดภัยและความ  News Techsauce

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *