
“วันนี้ ผมอยากจะเชิญชวนทุกท่านมาร่วมสำรวจอนาคตของ AI” คุณอภิเษก เทวินทรภักติ เริ่มต้นเซสชันด้วยการเชื้อเชิญให้ทุกคนมองข้ามภาพจำเดิมๆ ของ AI เพราะนี่ไม่ใช่แค่การปฏิวัติทางเทคโนโลยี แต่คือการเขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของมวลมนุษยชาติและศักยภาพที่ซ่อนอยู่ภายในตัวเรา

ตัวเลขคาดการณ์ที่ว่า AI จะสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงถึง $15.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ นั้น เป็นตัวเลขที่ “ใหญ่มากจนแทบจะไร้ความหมาย” แต่คุณอภิเษกชวนให้มองในอีกมุมหนึ่งว่า นี่ไม่ใช่แค่คุณค่าของ AI แต่คือ “มูลค่าของการสร้างความสัมพันธ์ที่ถูกต้องระหว่างมนุษย์และเครื่องจักร” มันคือเดิมพันครั้งสำคัญที่หากเราทำผิดพลาด มูลค่ามหาศาลนี้ก็จะสูญสลายไป แล้วเราจะมั่นใจได้อย่างไรว่าจะเดินบนเส้นทางที่ถูกต้อง?
AI ทะลุขีดจำกัดมนุษย์ สู่ความเป็นจริงที่เหนือกว่า

เป็นเวลาหลายทศวรรษที่คำถามว่า “AI จะมาแทนที่มนุษย์หรือไม่?” เป็นเพียงพล็อตเรื่องในนิยายวิทยาศาสตร์ จนกระทั่งวันนี้ ที่เราได้สร้างบางสิ่งที่อาจจะฉลาดกว่าเราขึ้นมาเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
ความฉลาดในที่นี้หมายถึงความสามารถหลักของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็น การคิด, การใช้เหตุผล, การเรียนรู้, การตัดสินใจ, และความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งปัจจุบัน AI มีความสามารถเหล่านี้ทั้งหมดแล้ว เหลือเพียงสิ่งเดียวที่ยังทำไม่ได้คือ “การมีความรู้สึก (Feeling)” อย่างแท้จริง
คุณอภิเษกได้ฉายภาพกราฟที่น่าทึ่ง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าความสามารถของ AI ในมิติต่างๆ ได้พุ่งทะยานแซงหน้า “เกณฑ์มาตรฐานของมนุษย์” (Human Baseline ที่ 100%) ไปแล้วนับตั้งแต่ปี 2021 เป็นต้นมา และยังคงเติบโตในอัตราเร่งแบบทวีคูณ (Exponential) อย่างไม่หยุดยั้ง
- ผ่านด่านทดสอบทัวริง (Turing Test): AI สามารถสนทนาโต้ตอบได้อย่างเป็นธรรมชาติจนกรรมการที่เป็นมนุษย์ไม่สามารถแยกแยะได้ ซึ่งเป็นสัญญาณชัดเจนว่า AI ได้เชี่ยวชาญการสร้างปฏิสัมพันธ์ที่เหมือนมนุษย์แล้ว
- IQ ที่เหนือชั้น: หากวัดด้วยแบบทดสอบ IQ โมเดลอย่าง GPT-4 จะมีคะแนนสูงถึงประมาณ 130 ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มผู้มีพรสวรรค์ (Gifted) ในขณะที่ค่าเฉลี่ยของมนุษย์คือ 100 และแม้แต่อัจฉริยะอย่างไอน์สไตน์ยังมีคะแนนอยู่ที่ประมาณ 160
เรากำลังเปลี่ยนผ่านจากการใช้ AI เป็น “เครื่องมือ” ที่ทำตามคำสั่ง ไปสู่การมี “คู่หู (Partner)” ที่มีความฉลาดอย่างแท้จริงอยู่เคียงข้าง
เมื่อความ ‘เข้าอกเข้าใจ’ กลายเป็น Killer Use Case
แม้ AI จะไม่มีความรู้สึก แต่ความสามารถในการ “จำลองความรู้สึก (Simulate Feeling)” หรือ “เสแสร้งว่ารู้สึก” กำลังกลายเป็นหนึ่งในพลังที่ทรงอิทธิพลที่สุด กรณีการใช้งานอันดับหนึ่งที่กำลังมาแรงคือ “เพื่อนคู่คิด AI (AI Companion)”
แพลตฟอร์มอย่าง Character.ai ที่ให้เราสามารถสนทนากับใครก็ได้ ไม่ว่าจะเป็น อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์, บารัค โอบามา หรือแม้แต่โดนัลด์ ทรัมป์ รวมถึงภาพยนตร์เรื่อง “Her” ที่ตัวเอกตกหลุมรัก AI กำลังจะกลายเป็นความจริง ผู้คนเริ่มหันไปหา AI เพื่อขอคำปรึกษา ความสบายใจ และมิตรภาพ สิ่งนี้พิสูจน์ว่า AI กำลังเชี่ยวชาญ “การสื่อสารอย่างเข้าอกเข้าใจ (Empathetic Communication)”
สำหรับโลกธุรกิจ นี่คือโอกาสในการมอบบริการที่ “เฉพาะบุคคล (Hyper-personalized)” ในวงกว้างอย่างที่ไม่เคยทำได้มาก่อน มันสามารถปฏิวัติวิธีการขาย, การสนับสนุน และการดูแลลูกค้า นำไปสู่ยุคใหม่ของ “องค์กรอัตโนมัติ (Automated Enterprise)”
ไม่ใช่แค่ Digital Transformation 2.0 แต่คือการปฏิวัติ “ความคิด”
คุณอภิเษกย้ำว่าการปฏิวัติ AI นั้นแตกต่างจากการปฏิวัติครั้งก่อนๆ โดยสิ้นเชิง
- การปฏิวัติไอน้ำ: เสริม “กำลังกล้ามเนื้อ”
- การปฏิวัติไฟฟ้า: กระจาย “พลังงาน”
- การปฏิวัติยุคดิจิทัล: เสริม “การประมวลผลข้อมูล”
- การปฏิวัติ AI: คือการปฏิวัติครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่เข้ามาเสริม “ความคิดและสติปัญญา (Human Mind)” ของมนุษย์โดยตรง
นี่ไม่ใช่ Digital Transformation 2.0 แต่คือ การรื้อแล้วสร้างใหม่ทั้งหมด (Tear-down and Rebuild) ด้วยความเร็วที่ “สิ่งที่เคยใช้เวลาเป็นปี ตอนนี้ใช้เวลาแค่เดือน” และ “สิ่งที่เคยมีให้สำหรับคนเพียงไม่กี่คน ตอนนี้ทุกคนทั่วโลกเข้าถึงได้” ประสิทธิภาพของ AI เพิ่มขึ้นสองเท่าทุกๆ 6 เดือน ในขณะที่ต้นทุนลดลงอย่างต่อเนื่อง และนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น
พลังพิเศษของ AI เมื่อซูเปอร์ฮีโร่มาอยู่ในมือคุณ
เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น คุณอภิเษกได้เปรียบเทียบความสามารถของ AI กับพลังของซูเปอร์ฮีโร่:
- Ultron (อัลตรอน) – พลังแห่งการเรียนรู้: ลองจินตนาการว่าหากคนคนหนึ่งอ่านหนังสือวันละ 15 นาที ตั้งแต่อายุ 10 ถึง 80 ปี ตลอดชีวิตเขาจะอ่านได้ประมาณ 1,000 เล่ม แต่ AI สามารถอ่านหนังสือ 1,000 เล่มได้ภายในวันเดียว
- Vision (วิชั่น) – พลังแห่งการเข้าถึงความรู้: มีการคาดการณ์ว่าภายในกลางปีนี้ AI ที่ล้ำสมัยจะสามารถประมวลผลและทำความเข้าใจ ข้อมูลสาธารณะทั้งหมดบนโลก ได้
- Iron Man (ไอรอนแมน) – พลังแห่งการสร้างสรรค์: AI สามารถช่วยมนุษย์ในงานสร้างสรรค์ได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการ แต่งเพลง, ออกแบบโซลูชัน หรือแม้กระทั่งเขียนโค้ดโปรแกรม
- Superman (ซูเปอร์แมน) – พลังแห่งความทนทาน: AI สามารถทำงานได้ 24 ชั่วโมง 7 วันต่อสัปดาห์ ไม่มีวันหยุด ไม่เคยเหนื่อย ไม่เคยขอขึ้นเงินเดือน และไม่เคยบ่น
- Mystique (มิสทีค) – พลังแห่งการปรับตัว: AI สามารถแปลงร่างเป็นใครก็ได้ตามบริบท ตั้งแต่ ที่ปรึกษาทางการเงิน, โค้ชส่วนตัว ไปจนถึงเพื่อนที่ช่วยสร้างสรรค์เรื่องราว
- Multiple Man (มัลติเพิล แมน) – พลังแห่งการจำลองตัวเอง: หากคุณต้องการผู้ช่วย AI หนึ่งล้านคน AI ก็สามารถ สร้างตัวเองขึ้นมาได้ตามความต้องการ (On-demand) ด้วยคุณภาพที่สม่ำเสมอทุกครั้ง
ความมหัศจรรย์ที่แท้จริงคือความสามารถของ AI ในการ “ผสมผสานพลังทั้งหมดนี้เข้าด้วยกัน” ทำให้มันกลายเป็นพลังทวีคูณขั้นสูงสุดสำหรับศักยภาพของมนุษย์
5 เสาหลักแห่งการปฏิรูปธุรกิจด้วย AI: จากแนวคิดสู่การลงมือทำ
แล้วธุรกิจจะนำพลังเหล่านี้ไปใช้อย่างไร? คุณอภิเษกได้แบ่งกรณีศึกษาการใช้งานจริงออกเป็น 5 เสาหลักสำคัญ พร้อมตัวอย่างที่เป็นรูปธรรม:
- การสร้างประสบการณ์เฉพาะบุคคลในวงกว้าง (Personalization at Scale):
ตัวอย่าง: AI ทางการเงินสามารถวิเคราะห์ ข้อมูลลูกค้ากว่า 200 จุดข้อมูล (เช่น รายได้, การใช้จ่าย, ระดับความเสี่ยง, เป้าหมายชีวิต) เพื่อสร้างกลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะกับคนคนนั้นโดยเฉพาะ ทำให้บริการระดับ Private Banking กลายเป็นสิ่งที่ทุกคนเข้าถึงได้ - ระบบอัตโนมัติและองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยตนเอง (AI Automation & Autonomous Enterprise):
ตัวอย่าง: ลูกค้ารายหนึ่งได้รับใบแจ้งหนี้ (Invoice) 3,000 ฉบับต่อเดือน ซึ่งเดิมใช้เวลาประมวลผลด้วยคนฉบับละ 5 นาที เมื่อนำ AI Agent เข้ามาช่วยจัดการเอกสาร สามารถ ประหยัดเวลาได้ถึง 250 ชั่วโมงต่อเดือน หรือเทียบเท่ากับ 30 วันทำงานของพนักงานหนึ่งคน และนี่คือจุดเริ่มต้นของเส้นทางสู่ “โรงงานมืด” (Dark Factory) ที่ขับเคลื่อนด้วยตนเองทั้งหมด - ข้อมูลเชิงลึกเชิงกลยุทธ์ (Strategic Insight):
ตัวอย่าง: บริษัทสามารถใช้ AI สร้าง สภาพแวดล้อมจำลอง (Simulated Environment) ที่มีตัวแทนของผู้บริโภค, บริษัทคู่แข่ง, และผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง เพื่อทดสอบว่าหากเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ตลาดจะมีปฏิกิริยาอย่างไร หรือหากรัฐเปลี่ยนนโยบาย จะส่งผลกระทบเช่นไร เป็นการเปลี่ยนจากการ “วิเคราะห์อดีต” ไปสู่การ “จำลองอนาคต” - การเพิ่มผลิตภาพอย่างก้าวกระโดด (Supercharge Productivity):
ตัวอย่าง: ในโรงพยาบาล มีการติดตั้งไมโครโฟนในห้องตรวจเพื่อ ถอดเสียงสนทนาระหว่างแพทย์กับผู้ป่วยแบบเรียลไทม์ จากนั้น AI จะวิเคราะห์อาการ, โรคที่เป็นไปได้ และเสนอแนวทางการรักษาขึ้นมาบนหน้าจอ เปรียบเสมือน “ความเห็นที่สอง” ให้กับแพทย์ และแพทย์ยังสามารถถามคำถามเพิ่มเติมกับ AI ได้ตลอดเวลา - นวัตกรรมและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ (Innovation & New Product Development):
ตัวอย่าง: บริษัทสินเชื่อ Upstart ใช้ AI วิเคราะห์ตัวแปรนับพันรายการ (ไม่ใช่แค่คะแนนเครดิต) ทำให้สามารถ อนุมัติสินเชื่อให้ผู้คนได้มากขึ้นถึง 43% ด้วยอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า ซึ่งผลลัพธ์คือ ผู้บริโภคเข้าถึงสินเชื่อได้มากขึ้น, ธนาคารมีความเสี่ยงน้อยลง และบริษัทก็มีกำไรสูงขึ้น นี่คือการใช้ AI เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ที่ดีกว่าเดิมโดยสิ้นเชิง
AI คือ ‘จักรยานสำหรับความคิด’ แห่งศตวรรษที่ 21
คุณอภิเษกได้ทิ้งท้ายด้วยเรื่องราวที่เป็นแรงบันดาลใจของ สตีฟ จ็อบส์ กับแนวคิด “จักรยานสำหรับความคิด” (Bicycle for the Mind) ซึ่งมาจากชาร์ตที่แสดงให้เห็นว่ามนุษย์ (ซึ่งโดยธรรมชาติไม่ได้มีประสิทธิภาพนัก) เมื่อได้ขี่จักรยาน กลับกลายเป็นสิ่งที่มีประสิทธิภาพในการใช้พลังงานเพื่อเคลื่อนที่สูงที่สุด จ็อบส์จึงมองว่าคอมพิวเตอร์ควรเป็น “จักรยาน” ที่ช่วยขยายขีดความสามารถของมนุษย์ฉันใด วันนี้ “AI คือจักรยานคันใหม่” ฉันนั้น
อนาคตไม่ได้เป็นของ AI เพียงลำพัง แต่เป็นของ “มนุษย์ที่ถูกเสริมศักยภาพ” (Amplified Humans)
- เป็นของนักวิจัย ที่เปี่ยมด้วยข้อมูลเชิงลึก ซึ่งตอนนี้สามารถวิเคราะห์ข้อมูลที่เคยใช้เวลาเป็นปีได้ในไม่กี่นาที
- เป็นของนักออกแบบที่สร้างสรรค์ ที่สามารถเปลี่ยนไอเดียให้กลายเป็นภาพได้ในพริบตา
- เป็นของผู้สร้างภาพยนตร์ ที่สามารถนำวิสัยทัศน์มาทำให้มีชีวิตขึ้นมาได้ด้วยเครื่องมือที่เปลี่ยนข้อความให้กลายเป็นศิลปะ
คำถามสำคัญสำหรับผู้นำและทุกองค์กรในวันนี้จึงไม่ใช่ “ถ้าหาก” (if) แต่คือ “อย่างไร” (how) เมื่อเครื่องมืออยู่ตรงหน้า โอกาสเปิดกว้างแล้ว… “คุณจะสร้างและเสริมศักยภาพอะไร?”
อ้างอิง: สรุปจาก Session: Human Amplified: Digital Reinvention with AI จากงาน Techsauce Global Summit 2025
‘Human Amplified’ จาก CEO แห่ง Beryl 8 Plus ที่ชี้ว่า AI ไม่ใช่คู่แข่ง แต่คือ ‘จักรยานสำหรับความคิด’ ที่มาเสริมศักยภาพมนุษย์ พร้อมเจาะลึก 5 เสาหลักที่ธุรกิจต้องรู้เพื่อปฏิวัติตัวเองในยุค AI Tech & Biz Techsauce