AI คือหนึ่งในสิ่งที่ทำให้นักเรียนยุคนี้ไม่ได้ขาด “คำตอบ” แต่ขาด “ความเข้าใจ” นั่นคือ Pain Point ใหญ่ที่ OpenAI พยายามแก้ด้วย Study Mode ฟีเจอร์ใหม่ใน ChatGPT ที่ไม่ได้แค่ตอบคำถาม แต่พาผู้ใช้คิดเป็นขั้นตอนด้วยคำถามย้อนกลับ คำใบ้ และแบบฝึกหัดเพื่อทดสอบความเข้าใจ
ซึ่งนั่นกำลังจะเปลี่ยน AI จากเครื่องตอบอัตโนมัติ กลายเป็นครูที่ช่วยฝึกคิด ชวนตั้งคำถาม และช่วยทบทวนความรู้ไปทีละจุด
ฟีเจอร์นี้เริ่มปล่อยให้ใช้งานแล้ววันนี้สำหรับผู้ใช้ Free, Plus, Pro, และ Team ส่วนผู้ใช้ในระบบการศึกษา (ChatGPT Edu) จะตามมาเร็วๆ นี้
 ในเมื่อคำตอบพร้อมมีอยู่แล้ว แล้วใครจะใช้ Study Mode ?
ในเมื่อคำตอบพร้อมมีอยู่แล้ว แล้วใครจะใช้ Study Mode ?
นี่คือคำถามใหญ่ในหัวของหลายคน เพราะ Study Mode ไม่ได้บังคับเปิด ผู้ใช้จะใช้หรือไม่ก็ได้ ซึ่งหมายความว่า ทุกอย่างขึ้นอยู่กับแรงจูงใจของผู้เรียนล้วนๆ
ซึ่งทาง Leah Belsky จาก OpenAI ยืนยันว่า ตอนนี้ยังไม่มีระบบบังคับจากครูหรือผู้ปกครองให้เปิด Study Mode ได้ นั่นแปลว่า AI ช่วยได้ แต่การเรียนรู้ยังต้องเริ่มจากตัวคน
โดยเบื้องหลังของ Study Mode ได้รับการพัฒนาด้วยแนวคิดแบบ pedagogy (ศาสตร์การเรียนรู้) ใช้ custom system instructions ที่ออกแบบมาร่วมกับผู้สอนตัวจริง เพื่อให้ได้ประสบการณ์แบบ interactive ไม่ใช่แค่ท่องจำ แต่เข้าใจที่มาและเหตุผล
ยังมีการปรับคำถามตามความรู้ของผู้ใช้ในบทสนทนาก่อนหน้า พร้อมกับแบ่งคำตอบเป็นหมวดหมู่ เข้าใจง่าย และเชื่อมโยงเนื้อหาแบบเห็นภาพ ทาง OpenAI ยังวางแผนเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ เช่น ภาพประกอบ และการปรับเนื้อหาแบบ personal มากขึ้นในอนาคต
ฝั่งคู่แข่งอย่าง Anthropic เองก็เริ่มเข้าสู่สนามนี้แล้วกับฟีเจอร์ Learning Mode ใน Claude ส่วน Google ก็เปิดตัว canvas mode ใน Search และวิดีโอสรุปเนื้อหาใน NotebookLM
ทั้งหมดนี้ชี้ให้เห็นชัดว่า สงคราม AI ด้านการศึกษาเริ่มแล้ว แต่คนที่ต้องตัดสินใจว่าจะเรียนรู้แบบลึก หรือแค่หาทางลัดก็ยังเป็นคุณอยู่ดี
อ้างอิง: theverge
OpenAI เปิดตัว Study Mode บน ChatGPT เปลี่ยน AI จากแค่ให้คำตอบเป็นผู้ช่วยสอนแบบโต้ตอบ จับกลุ่มนักเรียน-นักศึกษาโดยตรง แต่แรงจูงใจยังเป็นโจทย์ใหญ่เมื่อฟีเจอร์นี้ปิดเปิดได้ตามใจผู้ใช้ News Techsauce

 ในเมื่อคำตอบพร้อมมีอยู่แล้ว แล้วใครจะใช้ Study Mode ?
ในเมื่อคำตอบพร้อมมีอยู่แล้ว แล้วใครจะใช้ Study Mode ?