ถอดรหัส The Brain at Rest เมื่อ ‘การอยู่กับตัวเอง’ คือคุณสมบัติของอัจฉริยะอย่าง Bill Gates ที่คุณก็ทำได้

The Brain at Rest

ในยุคที่ ‘Hustle Culture’ หรือ วัฒนธรรมการทำงานหนัก ถูกยกย่องให้เป็นคุณธรรมสูงสุด เรามักถูกสอนให้ใช้ทุกวินาทีอย่างคุ้มค่าและเลิกผัดวันประกันพรุ่ง แต่จะเกิดอะไรขึ้นหากความเชื่อเหล่านั้นผิดถนัด และการ ‘ไม่ทำอะไรเลย’ อาจเป็นกุญแจสำคัญสู่ศักยภาพสูงสุดของมนุษย์?

Joseph Jebelli นักประสาทวิทยาและผู้เขียนหนังสือ “The Brain at Rest” ได้ออกมาท้าทายความเชื่อเดิมๆ เขาชี้ว่า “ความสันโดษ” (Solitude) หรือการใช้เวลาอยู่กับตัวเอง คือคุณสมบัติที่สำคัญที่สุดของผู้ที่มีสติปัญญาสูงและมีความคิดสร้างสรรค์เป็นเลิศ ไม่ใช่ระดับ IQ อย่างที่หลายคนเข้าใจ

วิทยาศาสตร์เบื้องหลัง “พลังแห่งความเงียบ”

จากการศึกษาทางประสาทวิทยา Jebelli อธิบายว่า เมื่อเราปล่อยให้สมองได้พักและจิตใจล่องลอยไป ไม่ได้หมายความว่าสมองกำลังหยุดทำงาน ตรงกันข้าม ในช่วงเวลาแห่งความสันโดษนี้ สมองส่วนที่เรียกว่า “เครือข่ายดีฟอลต์” (Default Network) จะเริ่มทำงานอย่างแข็งขัน

เครือข่ายนี้เปรียบเสมือนโรงงานสร้างสรรค์ภายในสมอง มันจะยุ่งอยู่กับการสร้างและเชื่อมโยงเครือข่ายใยประสาท (synaptic connections) ใหม่ๆ ช่วยเสริมทักษะ, เพิ่มความสามารถในการซึมซับข้อมูล, ตกตะกอนความคิด และที่สำคัญคือการบ่มเพาะความคิดสร้างสรรค์ให้เบ่งบานอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการเขียน, เล่นดนตรี, วาดภาพ หรือแม้แต่การทำสมาธิ กิจกรรมเหล่านี้ล้วนต้องการ “พื้นที่ว่าง” จากความสันโดษเพื่อให้สมองทำงานได้ดีที่สุด

กรณีศึกษาจากอัจฉริยะ: Bill Gates และ Leonardo da Vinci

แนวคิดนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นกิจวัตรที่อัจฉริยะระดับโลกปฏิบัติกันมานานแล้ว Bill Gates คือตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุด ในยุคแรกของการก่อตั้ง Microsoft เขาจะจัดสรรเวลาปีละ 2 ครั้งเพื่อเข้าสู่ “สัปดาห์แห่งความคิด” (Think Week) โดยปลีกตัวไปอยู่กระท่อมตามลำพังกับกองหนังสือ ห้ามทุกคนรบกวนแม้กระทั่งครอบครัว ซึ่ง The Wall Street Journal รายงานว่า การเปิดตัว Internet Explorer ในปี 1995 ก็เป็นผลผลิตจากช่วงเวลา “Think Week” นี่เอง

เช่นเดียวกับ Leonardo da Vinci อัจฉริยะแห่งยุคเรอเนซองส์ ผู้เป็นนักไตร่ตรองตัวยง มีรายงานว่าเขาสามารถใช้เวลายืนจ้องมองภาพ “The Last Supper” ได้นานนับชั่วโมง ก่อนที่จะลงมือตวัดฝีแปรงเพียงครั้งเดียวแล้วเดินจากไป นี่คือการปล่อยให้สมองได้ประมวลผลและตกตะกอนความคิดอย่างเต็มที่ก่อนจะลงมือสร้างสรรค์ผลงาน

จะนำพลังแห่งความสันโดษมาใช้เพื่อเสริมสร้างสมองได้อย่างไร?

Jebelli ยืนยันว่า ยิ่งเราใช้เวลาอยู่กับตัวเองได้มากเท่าไหร่ (โดยเฉพาะเมื่อเรารู้สึกอยากอยู่คนเดียว) ก็จะยิ่งส่งผลดีต่อสมองมากเท่านั้น เขาได้ให้แนวทางปฏิบัติ 5 ข้อที่ทุกคนสามารถเริ่มต้นได้ทันที ดังนี้

  1. แค่ลองไป (Just Go): วางแผนเดินทางคนเดียวดูสักครั้ง การก้าวออกจากกิจวัตรเดิมๆ และสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคย จะช่วยกระตุ้นประสาทสัมผัสและบังคับให้คุณออกจาก Comfort Zone ซึ่งเป็นฉากหลังที่สมบูรณ์แบบสำหรับการใคร่ครวญและจุดประกายความคิดสร้างสรรค์
  2. เริ่มต้นเล็กๆ (Start Small): ไม่จำเป็นต้องหายไปทั้งสัปดาห์ ลองเริ่มต้นง่ายๆ ด้วยการหาเวลาอยู่คนเดียวในที่เงียบๆ เพียงวันละ 10 นาที เพื่อให้สมองได้ผ่อนคลายและเริ่มเปิดสวิตช์การทำงานของ Default Network
  3. เลือกสังคมคุณภาพ (Be Selective): การเข้าสังคมเป็นสิ่งจำเป็น แต่จงเลือกใช้เวลากับคนที่มีความหมายและเป็นพลังบวก การฝืนใช้เวลากับคนที่เป็นพิษจะเพิ่มฮอร์โมนความเครียด (Cortisol) ซึ่งทำลายวงจรสมองและบั่นทอนความสัมพันธ์ดีๆ ที่เราควรมี
  4. ไตร่ตรองและทบทวน (Reflect and Reassess): ใช้ช่วงเวลาที่อยู่คนเดียวเพื่อทบทวนประสบการณ์และความรู้สึกของตัวเอง อาจจะทำผ่านการนั่งสมาธิหรือการเขียนบันทึก (Journaling) เพื่อทำความเข้าใจตัวเองในระดับที่ลึกซึ้งขึ้น
  5. ทำกิจกรรมสำหรับคนเดียว (Engage in Solo Activities): ลองทำกิจกรรมที่ส่งเสริมสติ (Mindfulness) และเหมาะกับการทำคนเดียว เช่น เดินเล่น, ฝึกโยคะ, หรือทำสวน ซึ่งไม่เพียงแต่ให้ประโยชน์จากความสันโดษ แต่ยังช่วยให้คุณจดจ่ออยู่กับปัจจุบันขณะอีกด้วย

ในโลกที่เรียกร้องความสนใจจากเราอยู่ตลอดเวลา บทความของ Jebelli เป็นเครื่องเตือนใจว่า บางทีการถอยห่างจากเสียงรบกวนและหันกลับมาอยู่กับความเงียบบ้าง อาจเป็นกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการปลดล็อกอัจฉริยภาพที่ซ่อนอยู่ในตัวเราทุกคน

ที่มา: CNBC

นักประสาทวิทยาเผยคุณสมบัติอันดับ 1 ของคนฉลาดระดับโลกอย่าง Bill Gates ที่ไม่ใช่ IQ แต่คือ ‘การอยู่กับตัวเอง’ ค้นพบวิทยาศาสตร์เบื้องหลังการพักผ่อนที่ช่วยเพิ่มความคิดสร้างสรรค์ และวิธีนำไปปรับใช้เพื่อพัฒนาสมองของคุณ  Saucy Thoughts Techsauce

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *