
บนเวที World Economic Forum 2025 หรือ Summer Davos ที่เมืองต้าเหลียน ประเทศจีน Sir Tony Blair อดีตนายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร ได้ร่วมสนทนากับ Børge Brende ประธานของ World Economic Forum เพื่อฉายภาพและวิเคราะห์สถานการณ์โลกที่ซับซ้อนอย่างยิ่งในปัจจุบัน ท่ามกลางข่าวการหยุดยิงในตะวันออกกลางที่เพิ่งเกิดขึ้น
ภูมิทัศน์ใหม่ตะวันออกกลาง: เมื่ออิทธิพลอิหร่านสั่นคลอน
Brende เปิดประเด็นถึงสถานการณ์ที่ซับซ้อนในตะวันออกกลาง ซึ่ง Blair ตอบรับว่านี่อาจเป็น “ช่วงเวลาที่สำคัญอย่างยิ่ง” ที่สามารถนำไปสู่ผลลัพธ์เชิงบวกได้ โดยเขาได้ชี้ให้เห็นถึง 4 การเปลี่ยนแปลงสำคัญที่กำลังเกิดขึ้น:
- อิหร่านถูกสกัดกั้น: มีความชัดเจนว่าภายใต้รัฐบาลสหรัฐฯ ปัจจุบัน อิหร่านจะไม่ได้รับอนุญาตให้พัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญ
- กลุ่มตัวแทนของอิหร่านอ่อนกำลัง: ตลอดปีที่ผ่านมา เราได้เห็นการอ่อนแอลงของกลุ่มที่อิหร่านหนุนหลังอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นฮามาส, ฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน, กลุ่มฮูษีในเยเมน หรือแม้แต่การล่มสลายของระบอบอัสซาดในซีเรีย Blair ชี้ว่า “ระบอบการปกครองของอิหร่านถูกแทรกซึมในเกือบทุกระดับ” และเหตุผลที่กลุ่มเหล่านี้ล่มสลายก็เพราะ “ท้ายที่สุดแล้ว ผู้คนต้องการเป็นอิสระ พวกเขาต้องการโอกาสทางเศรษฐกิจ และต้องการอยู่ในโลกแห่งความอดทนทางศาสนา ไม่ใช่ลัทธิสุดโต่ง”
- พลังแห่งการสร้างความทันสมัย (Modernizing Forces) กำลังเติบโต: Blair ยกย่องการปฏิวัติอย่างสันติที่ดำเนินไปในซาอุดีอาระเบีย รวมถึงการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และกาตาร์ ซึ่งกลายเป็นโมเดลที่น่าจับตา “ถ้าคุณทำโพลกับคนหนุ่มสาวทั่วตะวันออกกลาง แล้วถามว่าอยากให้ประเทศของคุณเป็นเหมือนใครที่สุด คำตอบที่ได้แทบทุกปีคือสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์” เขากล่าว
- โอกาสในการยุติความขัดแย้ง: จากการที่ “กองกำลังที่ต่อต้านความอดทนทางศาสนา” อ่อนแอลง ทำให้เกิดโอกาสครั้งประวัติศาสตร์ในการยุติสงครามกาซา บนพื้นฐานที่สามารถ “ปกป้องความมั่นคงของอิสราเอล แต่ให้ความหวังแก่ชาวปาเลสไตน์” ได้ในเวลาเดียวกัน
ทางสองแพร่งอิสราเอล-ปาเลสไตน์: เมื่อ “ทางออกสองรัฐ” ไม่ใช่คำตอบ
Brende ได้ถามถึง “ทางออกที่ยุติธรรมสำหรับชาวปาเลสไตน์” ว่าหมายถึง “ทางออกสองรัฐ” (Two-state solution) หรือไม่ โดย Blair ซึ่งเคยเป็นผู้แทนพิเศษของกลุ่มควอเต็ต (Quartet on the Middle East) ได้ให้คำตอบที่สะท้อนความเป็นจริงอย่างยิ่ง
“ถ้าคุณอยู่ในอิสราเอลตอนนี้ จากความบอบช้ำของเหตุการณ์วันที่ 7 ตุลาคม คุณจะพบว่ามีนักการเมืองไม่มากนักที่จะพูดถึงทางออกสองรัฐ” Blair อธิบาย “แต่ในทางกลับกัน ผมก็ไม่เชื่อว่าโดยหลักการแล้วผู้คนจะต่อต้านการตัดสินใจด้วยตนเองของชาวปาเลสไตน์”
เขาเปรียบเทียบสถานการณ์กับประสบการณ์ในไอร์แลนด์เหนือว่า “เมื่อมีคนสองกลุ่มอาศัยอยู่เคียงข้างกันและขัดแย้งกัน มีเพียงสองทางเลือก คือพวกเขาสร้างสันติภาพ หรือฝ่ายที่แข็งแกร่งกว่าจะจัดการฝ่ายที่อ่อนแอกว่า ซึ่งนั่นไม่เคยเป็นทางออกที่ยั่งยืน”
Blair สรุปว่า แทนที่จะพูดถึง “ทางออกสองรัฐ” ที่ดูห่างไกล สิ่งที่ต้องทำจริง ๆ คือการแก้ปัญหาจาก “ระดับพื้นที่” โดยเริ่มจากการสร้างเสถียรภาพและการปกครองที่ดีในกาซาและเขตเวสต์แบงก์ เพื่อวางรากฐานให้คนสองกลุ่มรู้สึกว่าพวกเขาสามารถอยู่ร่วมกันอย่างสันติได้จริง
โลกยุคใหม่: การผงาดของ 3 มหาอำนาจ และทางรอดของชาติอื่น
เมื่อเปลี่ยนประเด็นมาที่จีน Blair ซึ่งมาเยือนจีนครั้งแรกในปี 1988 และเห็นการเปลี่ยนแปลงจากยุคจักรยานสู่มหาอำนาจโลก ได้ให้มุมมองที่น่าสนใจว่า “จีนมีสิทธิ์ทุกประการที่จะเป็นมหาอำนาจ” คำถามสำคัญจึงไม่ใช่ “ถ้าหาก” แต่คือ “อย่างไร”
“เราควรมองจีนผ่านสายตาของจีน ไม่ใช่ผ่านสายตาของตะวันตก” Blair ย้ำ “และนโยบายที่ผมเชื่อมั่นคือการมีส่วนร่วมกับจีน ไม่ใช่การโดดเดี่ยวจีน”
เขามองว่าโลกในกลางศตวรรษนี้จะถูกกำหนดโดย 3 มหาอำนาจ (Three Giants) คือ สหรัฐอเมริกา, จีน และอินเดีย ซึ่งสร้างความท้าทายใหม่ให้กับประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก
“ถ้าคุณอยู่รอบ ๆ ยักษ์ใหญ่ พวกเขามีนิสัยชอบนั่งทับหรือเหยียบย่ำคนอื่น” Blair กล่าวอย่างเห็นภาพ “ดังนั้นถ้าคุณต้องการให้แน่ใจว่าคุณจะไม่ถูกนั่งทับ คุณต้องรวมตัวกัน” นี่คือเหตุผลที่กลุ่มภูมิภาคอย่างยุโรป, อาเซียน, หรือเมอร์โคซูร์ จะต้องทวีความสำคัญและร่วมมือกันอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เพื่อให้มีอำนาจต่อรองบนเวทีโลก
ความท้าทายของยุโรป: แข่งขันหรือถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
Brende ได้ชี้ให้เห็นถึงความยืดหยุ่นของยุโรปในอดีตที่หลายคนเคยมองข้าม แต่ Blair โต้แย้งว่าในโลกยุคใหม่ ยุโรปเผชิญความท้าทายที่แตกต่างออกไป และต้องสร้างความแข็งแกร่งของตนเองใน 2 ด้านหลัก
- การป้องกันประเทศ: ยุโรปต้องมีความสามารถทางการทหารที่เป็นอิสระ เพื่อรับมือกับความขัดแย้งที่เกิดขึ้นหน้าประตูบ้านตัวเองได้
- เศรษฐกิจและเทคโนโลยี: “กุญแจสำคัญคือความสามารถในการแข่งขัน และในปัจจุบันกุญแจดอกนั้นคือเทคโนโลยี โดยเฉพาะการปฏิวัติปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งในขณะนี้ยุโรปไม่ใช่ผู้เล่นหลัก” Blair ชี้ให้เห็นจุดอ่อนสำคัญ
เขาเชื่อว่ายุโรปทำได้ แต่ต้องผ่านการเปลี่ยนแปลงที่เจ็บปวด “จอกศักดิ์สิทธิ์ (Holy Grail) ในทางการเมืองคือการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญโดยไม่มีความเจ็บปวด แต่ไม่เคยมีใครได้ครอบครองจอกศักดิ์สิทธิ์”
การปฏิวัติ AI: ความท้าทายที่ยิ่งใหญ่และน่าขบขันที่สุดแห่งศตวรรษ
ประเด็นสุดท้ายที่ Blair ให้ความสำคัญมากที่สุด คือการปฏิวัติเทคโนโลยี ซึ่งเขามองว่าทรงพลังอย่างยิ่ง “นี่คือสิ่งที่เทียบเท่ากับการปฏิวัติอุตสาหกรรมในศตวรรษที่ 19 สำหรับศตวรรษที่ 21 มันจะเปลี่ยนแปลงทุกสิ่ง” เขาเล่าประสบการณ์ส่วนตัวที่สะท้อนความท้าทายนี้ได้อย่างดีเยี่ยม:
“ผมถูกขอให้ไปพูดเรื่องสกุลเงินดิจิทัล ผมเลยโทรหาลูกชายคนโตที่ทำธุรกิจเทคโนโลยีแล้วบอกว่า ‘อธิบายเรื่องสกุลเงินดิจิทัลให้พ่อฟังหน่อย’ เขาอธิบาย แต่ผมไม่เข้าใจสักคำเลย… สุดท้ายในเช้าวันที่จะต้องไปพูด ผมโทรหาเขาอีกครั้ง ‘พ่อจะพูดอะไรกับพวกเขาดี’ เขาตอบว่า ‘บอกพวกเขาไปว่าพ่อป่วย’ “
เสียงหัวเราะในห้องประชุมสะท้อนความเข้าใจในความซับซ้อนที่ผู้นำทั่วโลกกำลังเผชิญ แต่ Blair สรุปด้วยน้ำเสียงที่จริงจังว่า แม้เทคโนโลยีจะเป็นดาบสองคมที่น่ากลัว แต่การหลีกหนีไม่ใช่ทางออก
“ประเทศและบริษัทที่ยอมรับมันจะประสบความสำเร็จ และผู้ที่ไม่ยอมรับจะถูกทิ้งไว้ข้างหลัง… วิธีที่คุณจะเข้าใจ เชี่ยวชาญ และควบคุมการปฏิวัติทางเทคโนโลยี คือความท้าทายด้านการปกครองที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเพียงอย่างเดียวสำหรับศตวรรษที่ 21” Blair กล่าวปิดท้าย ทิ้งโจทย์ใหญ่ให้แก่ผู้นำ นักธุรกิจ และทุกคนในสังคมต้องกลับไปขบคิดและเตรียมพร้อมรับมือกับอนาคตที่กำลังมาถึงเร็วกว่าที่คิด
อ้างอิง: บทสนทนาใน Session: A Conversation with Sir Tony Blair ในงาน World Economic Forum 2025 ณ ประเทศจีน เมืองต้าเหลียน
เจาะลึก Tony Blair บนเวที Summer Davos 2025 ชี้โลกกำลังจัดระเบียบใหม่สู่ยุค 3 มหาอำนาจ (สหรัฐฯ-จีน-อินเดีย) และเผชิญการปฏิวัติ AI ที่ผู้นำยังตามไม่ทัน พร้อมมองอนาคตตะวันออกกลางหลังอิหร่านอ่อนแอ Tech & Biz Techsauce
